ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปราสาทบ้านไพล : โบราณสถานจากศรัทธาสู่วิถีชีวิตชุมชนปัจจุบัน


ปราสาทบ้านไพล : โบราณสถานจากศรัทธาสู่วิถีชีวิตชุมชนปัจจุบัน
Prās̄āth Bān phịl : Archaeological site from faith to the current community lifestyle.

พระปลัดวัชระ วชิรญาโณ (เกิดสบาย)[๑] 
Phra Pladwatchara Vachirayano (Kerdsabai )
น.ธ.เอก, พ.ธ.บ., M.A. (Buddhist studies)

๑ สภาพทั่วไป
          ปราสาทบ้านไพล ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านไพลตั้งอยู่ในบริเวณซึ่งกรมศิลปากรได้ ติดตั้งรั้วล้อมรอบแนวเขตโบราณสถานไว้ รอบๆ มีถนน และบ้านเรือนตั้งอยู่เรียงรายอยู่ ทางด้านหน้าหรือทางทิศ ตะวันออกมีอาคารเสนาสนะของวัด ทางด้านทิศตะวันตก และหมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่โดยรอบ เป็นปราสาทซึ่งอดีตเคยมีเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เชื่อมต่อระหว่างศาสนากับชุมชน และวัฒนธรรมอันน่าสนใจ  ซึ่งปัจจุบันนั้นมีเฉพาะสิ่งที่เป็นหลักฐานทางโบราณสถานที่ยังมีปรากฏอยู่ ทำให้เกิดความสนใจในเรื่องการศึกษาของผู้สนใจ บนพื้นฐานแห่งความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา กับวิถีชีวิตชุมชนบ้านไพลปัจจุบันอย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงได้นำเรื่องราวของปราสาทบ้านไพล มาสะท้อนผ่านประวัติความเชื่อ และหลักฐานต่างๆสู่ความเข้าใจวิถีชีวิตของชุมชนบ้านปราสาทในปัจจุบัน

๒ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของปราสาทบ้านไพล
          ปราสาทบ้านไพล ประกอบด้วยปราสาท ๓ หลัง ตั้งเรียงกันในแนวเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก อยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน มีบันไดทางขึ้นด้านหน้าทาง พื้นที่ล้อมรอบด้วยคูนํ้าเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีรายละเอียดดังนี้ปราสาทประธาน (หลังกลาง) ก่ออิฐ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดประมาณ ๔ x๔  มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก มีส่วนเรือนธาตุและส่วนหลังคาทำซ้อนชั้นขึ้นไปปราสาทหลังใต้ ก่ออิฐ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดประมาณ ๔ x ๔ เมตร มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก สภาพชำรุดเหลือเพียงส่วนเรือนธาตุด้านล่างลานศิลาแลงหน้าตัวปราสาทมีฐานประติมากรรม รูปเคารพอีกฐาน และรอยหลุมเสาจำนวนมาก ซึ่งมีระยะห่างสมํ่าเสมออาจเป็นร่องรอยของอาคารที่คงเคยมีอยู่ ณ ที่นั้นคูนํ้ามีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบปราสาทเว้นด้านทิศตะวันออกไว้เป็นทางเข้า-ออก และสระนํ้ารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด ๒๐ x ๕๒ เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกคูนํ้า[๒]

          ปราสาทบ้านไพล เป็นปราสาทสมัยศิลปะบาปวน อายุราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ก่ออิฐเรียงสามองค์บนฐานเดียวกัน อิฐที่ขัดฝนอย่างพิถีพิถันและสอดินที่ละเอียดประณีตทำให้ผนังแต่ละด้านเรียบสนิท[๓] เมื่อคณะของวารสารเมืองโบราณไปบันทึกภาพถ่ายราวเกือบสามสิบปีที่แล้วนั้นเหลืออยู่เพียงสององค์ คือองค์กลางและองค์ทางด้านทิศเหนือ ส่วนองค์ทางด้านทิศใต้หักพังลงเหลือเพียงกรอบประตูทางเข้าและผนังเรือนธาตุบางส่วน ต้นไม้ใหญ่และเนินดินทับถมปกคลุมฐานปราสาทไว้ทั้งหมด ในหนังสือทำเนียบโบราณสถานขอมในประเทศไทย เล่ม ๓ จังหวัดสุรินทร์ (กรมศิลปากรพิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๘) ระบุว่า “ทับหลังของปรางค์ด้านทิศเหนือยังติดอยู่ที่ตำแหน่งเดิม จำหลักเป็นภาพเทวดานั่งชันเข่าอยู่ในซุ้มเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวงมาลัย ส่วนทับหลังของปรางค์องค์กลางและปรางค์องค์ทิศใต้หล่นอยู่กับพื้น ทับหลังอีกชิ้นหนึ่งจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ[๔] ปัจจุบันทั้งหมดนี้ไม่ปรากฏให้เห็น อาจถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ การขุดแต่ง  บูรณะในช่วงต้นทศวรรษ ๒๕๓๐ ทำให้พบร่องรอยที่น่าสนใจ เช่นรอยหลุมเสาจำนวนมากบนลานศิลาแลงหน้าตัวปราสาท ซึ่งมีระยะห่างสม่ำเสมอเป็นระบบ ชวนให้คิดจินตนาการถึงตัวอาคารที่คงเคยมีอยู่ ณ ที่นั้น การจัดภูมิทัศน์ก็ทำให้ปราสาททั้งสามหลังเด่นชัดขึ้น มีการทิ้งช่วงเว้นระยะมุมมองด้านหน้า คือด้านทิศตะวันออกไว้ให้สามารถชมดูได้ถนัดตา และยังได้นำชิ้นส่วนหินสลักประเภทกรอบประตูหน้าต่าง ฐานรูปเคารพมาเรียงเป็นชุดๆ ไว้เป็นต่างม้านั่งหิน สำหรับให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจถึงสามชุด เป็นการปรับภูมิทัศ และให้เป็นภาพส่วนต่างของชิ้นส่วนที่ยังเหลือจากการปรับปรุงและการบูรณ ภายใต้การกำกับขอบกรมศีลปากร และชุมชนที่เกี่ยวข้อง

๓ ความสำคัญของแหล่งทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ปราสาทบ้านไพล
          ปราสาทบ้านไพล เป็นปราสาทขอม เนื่องในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย ศิลปะขอมแบบบาปวน อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ซึ่งเป็นศาสนสถานประจำชุมชน โดยทางด้านหน้าหรือทางทิศตะวันออกของปราสาทมีบารายขนาดใหญ่ อันแสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นชุมชนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ปราสาทบ้านไพลจึงเป็นร่องรอยหลักฐานที่แสดงอิทธิพลวัฒนธรรมขอมที่ปรากฏขึ้นในดินแดนแถบนี้ เป็นศาสนาสถานในชุมชน หรือสรุก เป็นปราสาทอิฐ หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ องค์ปราสาทมีแผนผังและขนาดเท่ากันทั้งสามองค์ คือ มีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณ ๔×๔ เมตร มีประตูทางเข้าออกด้านหน้าเพียงด้านเดียว ทับหลังของปราสาทองค์กลางและองค์ด้านทิศเหนือสลักเป็นรูปบุคคลนั่งชันเข่าเหนือหน้ากาล ส่วนทับหลังปราสาทองค์ด้านทิศใต้สลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ[๕] ซึ่งปราสาทองค์ด้านทิศใต้พังทลายไปหมดสิ้นแล้ว ในปัจจุบันเป็นปราสาท 3 หลัง สร้างด้วยอิฐขัดเรียบ อยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันเรียงจากเหนือไปใต้ ผังของปราสาทเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม[๖] ปัจจุบันปราสาทอยู่ในสภาพค่อนข้างดีอยู่ หลัง คือ หลังที่อยู่ด้านทิศเหนือและหลังกลาง โดยเฉพาะปราสาททิศเหนือยังคงมีทับหลังติดอยู่ในตำแหน่งเดิม สลักภาพเทวดานั่งชันเข่าอยู่ในซุ้มเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวงมาลัย มือทั้งสองข้างยึดท่อนพวงมาลัยไว้ และมีทับหลังอีก ชิ้นวางอยู่ที่พื้น[๗] สันนิษฐานว่าเป็นทับหลังของปราสาทหลังกลางและหลังทางทิศใต้ ชิ้นหนึ่งสลักภาพเทวดานั่งชันเข่าอยู่ในซุ้มเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวง มาลัย มือทั้งสองข้างยึดท่อนพวงมาลัยไว้ อีกชิ้นหนึ่งสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ โดยอินทร์ทรงช้างเอราวัณ[๘] ปรากฏในเรื่องรามายณะ และความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึงพระอินทร์มีร่างสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ เชือกหนึ่งพระพรหมป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรีเมขล์ไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์ ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกำลังมากที่สุดในหมู่ ช้างทั้ง เชือก และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ของพระอินทร์ เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก มี ๓๓ เศียร แต่ละเศียรมีงา งา งาแต่ละงายาวถึง ล้านวา งาแต่ละงามีสระบัว สระ แต่ละสระมีดอกบัว ๗ ดอก แต่ละดอกมีกลีบ กลีบ มี เกสร แต่ละเกสรมีปราสาทอยู่ หลัง ปราสาทแต่ละหลังมี ชั้น แต่ละชั้นมี ๗ ห้อง แต่ละห้องมี ๗ บัลลังก์ แต่ละบัลลังก์มีเทพธิดาสถิต องค์ เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวาร องค์ละ นาง เทพธิดาบริวารแต่ ละนางมีนางทาสีนางละ ๗ ทาสี รวมทั้งนางเทพอัปสรทั้งหมดประมาณ ๑๙๐,๒๔๘,๔๓๓ นางเทพธิดาบริวารรวมกันทั้งหมดประมาณ ๑๓,๓๓๑,๖๖๙,๐๓๑ นาง เศียรทั้ง ๓๓ ของช้างเอราวัณ มีอุเปนทเทพยดา สถิตเศียรละ องค์ โดยปกติศิลปินไทยมักจะทำช้าง เอราวัณ เป็นช้าง เศียร นอกจากนี้พบคันดินรูปตัวแอล (L) อยู่ทางด้านเหนือและใต้ด้วย ส่วนสระน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ หรือ ต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๗ จากความสำคัญของแหล่งทางประวัติศาสตร์นั้น ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทขอมเนื่องในศาสนา พราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย ศิลปะขอมแบบบาปวน[๙] สืบเนื่องจากอริยธรรมของสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ได้สร้างศาสนสถานต่างๆไว้ทั่วทิศโดยรอบของอนาจักร โดยเชื่อมโยงจากปราสาทในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เกิดเส้นทางระหว่างชุมชนกระจายในพื้นที่อยู่ทั่วไป และเชื่อมโยงไปยังชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคนในท้องถิ่นหลายกลุ่มเชื้อชาติที่ตั้งเป็นบ้านเมืองอิสระ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่เป็นไมตรีและที่ยังคงทิ้งไว้เป็นหลักฐานที่สำคัญด้านโบราณดี[๑๐] ปราสาทบ้านไพลจึงเป็นศาสนสถานประจำชุมชน โดยทางด้านหน้าหรือทางทิศตะวันออกของปราสาท มีบารายขนาดใหญ่ อันแสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นชุมชน ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ปราสาทบ้านไพลจึงเป็นร่องรอย หลักฐานที่แสดงอิทธิพลวัฒนธรรมขอมที่ปรากฏขึ้นในดินแดนแถบนี้ ปราสาทบ้านไพล ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว ปัจจุบันปราสาทบ้านไพลได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด มีการบูรณะซ่อมแซมโดยกรมศิลปากร มีการ ปรับภูมิทัศน์ต่างๆ ให้สวยงาม


๔ หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ
          หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ทับหลังจำนวน ชิ้น คือ ทับหลังจากปราสาทหลัง กลาง สลักภาพเทวดานั่งชันเข่าอยู่ในซุ้มเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวงมาลัย ตรงเสี้ยวของท่อนพวงมาลัยจะ แอ่นลงเล็กน้อย เหนือท่อนพวงมาลัยเป็นลายใบไม้ตั้งขึ้น ใต้ท่อนพวงมาลัยเป็นลายใบไม้ม้วน ทับหลังจากปราสาทหลังเหนือสลักภาพเทวดานั่งชันเข่าอยู่ในซุ้มเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวงมาลัย และ ทับหลังจากปราสาทหลังใต้ สลักภาพพระอินทร์ทรงช้าง เอราวัณเหนือหน้ากาลที่กำลังคายท่อนพวงมาลัยเหนือท่อนพวงมาลัยเป็นลายใบไม้ตั้งขึ้น ใต้ท่อนพวงมาลัยเป็นลายใบไม้ม้วน (ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์)[๑๑] และได้พบชิ้นส่วนบัวกลุ่มยอดปราสาท และ แท่นสำหรับติดตั้งประติมากรรมรูปเคารพ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่พื้นดินในบริเวณปราสาท[๑๒]

๕. ชุมชนโดยรอบปราสาทบ้านไพล  
          สำหรับที่ตั้งและอาณาเขต ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนืออำเภอปราสาท โดยเส้นทางคมนาคมสายสุรินทร์ ช่องจอม เป็นระยะทางประมาณ ๒๕ กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดสุรินทร์ ประมาณ ๓๑ กิโลเมตร ตำบลไพลเป็น ๑ ใน ๑๘ ตำบลในเขตอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีอาณาเขตพื้นที่อยู่ติดกันท้องถิ่นใกล้เคียง ส่วน คือ ตำบลประทัดบุ ตำบลไพล ตำบลกังแอน ตำบลปราสาทนง อำเภอปราสาท ตำบลนาบัว อำเภอเมือง ทิศเหนือ ติดต่อตำบลนาบัว อำเภอเมือง และ ตำบลประทัดบุ อำเภอปราสาท ทิศตะวันออก ติดต่อตำบลไพล อำเภอปราสาท ทิศตะวันตก ติดต่อตำบลประทัดบุ ตำบลสมุด ทิศใต้ติดต่อตำบลกังแอน อำเภอปราสาท ตำบลบ้านไพล มีเนื้อที่ประมาณ ๒๖ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๑๖,๓๑๔ ไร่ สภาพภูมิศาสตร์ สภาพพื้นที่โดยทั่วไปของตำบลเชื้อเพลิง เป็นพื้นที่ราบ สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปตลอดปี มี ฤดู คือ ฤดูร้อน ประมาณเดือนมีนาคมเมษายน อากาศร้อนอบอ้าวและแห้งแล้ง ฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคมตุลาคม อากาศอบอุ่นฝนตกทั่วไปแต่ไม่ชุก บางปีฝนทิ้งช่วง และฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อากาศเย็นและแห้งแล้งลมพัดแรง พื้นที่โดยรอบของปราสาทนั้น ตั้งอยู่ภายในพื้นที่บ้านปราสาท ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีสมรภูมิที่เหมาะสมในการตั้งปราสาทเป็นอย่างดี โดยด้านหน้าของปราสาท เป็นสถานที่ลานกว้างโดยมีพื้นที่ใช้สอยสร้างเป็นวัดทางพระพุทธศาสนา ทิศตะวันตกเป็นสถานที่ของเอกชน ทิศใต้ติดถนนสาธารณะ และติดเหนือติดกับสถานที่เป็นลานกว้างโดยรอบวัดโดย รอบนอกเขตปราสาทเป็นพื้นที่ของชุมชนและประชาชนสร้างบ้านโดยรอบ ทำให้เกิดความความหนาแน่นพอสมควรในชุมชน มีการประกอบการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ และสภาพทั่วไปโดยรอบปกคลุมด้วยต้นไม้ และที่ของประชาชนทั่วไปที่จับจองก่อนมีการสำรวจปราสาทอย่างชัดเจน

๖. เล่าขานตามตำนานปราสาทบ้านไพลจากความเชื่อของคนในชุมชน
          สมัยแต่ก่อนมีตาเขาคุยบอกว่ามีสาวๆมาขุดมันมีน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วพากันไปขุดมันแล้วได้ยินเสียงฟ้าร้องแล้วพูดว่าเทน้ำออกจากกระบอกกันสาวอีกคนหนึ่งไม่เทออกแต่สาวอีกคนเทน้ำแล้วฝนไม่ตกลงมาแล้วไม่มีน้ำกินขอใครก็ไม่มีใครให้กินแล้วเดินๆไป ไปเห็นน้ำเยี่ยวช้างเผือกเห็นน้ำเยี่ยวช้างเผือกแล้วก็กินแล้วก็ตั้งท้องขึ้นแล้วก็คลอดลูกพอลูกโตขึ้น ประมาณวัยรุ่นชาวบ้านก็พูดว่าเกิดมาไม่มีพ่อเหมือนเขาแล้วก็ไปถามแม่ว่าพ่อหนูคือใครพ่อหนูคือช้างเผือกแล้วบ้านช้างเผือกอยู่ที่ไหนแม่ไปขุดมันไม่มีน้ำกินเลยกินน้ำเยี่ยวช้างเผือกเลยตั้งท้องเป็นหนูขึ้นมาแล้วถ้าหนูไปหาพ่อไปหาที่ไหนเจอก็เลยเดินทางไปหาพ่อแม่ก็ห่อข้าวห่อน้ำให้ลูกแล้วไปเห็นช้าง ช้างก็จะทำร้ายเลยบอกกับช้างว่าหนูจะไปตามหาพ่อ แล้วพ่อหนูคือใคร พ่อหนูคือช้างเผือกแล้วเดินไปเรื่อยก็เจอสถานการณ์เหมือนเดิมอีกช้างจะทำร้ายอีกเลยบอกว่าจะไปตามหาพ่อ พ่อหนูคือช้างเผือกเขาก็ปล่อยไป เดินไปอีกเรื่อยๆก็ไปเจอกับพ่อของตัวเองช้างเผือกถามว่าใช่ลูกของตัวเองจริงไหม แม่บอกว่าพ่อหนูเป็นช้างเผือกถ้าเธอเป็นลูกข้าจริงข้าจับโยนไปตรงไหนต้องติดตัวข้าแล้วพอโยนไปตรงไหนก็ติดทุกที่ที่โยนไปก็เลยสร้างปราสาทให้อยู่แล้วก็ออกไปออกไปหาให้ทุกวันแล้วอยู่มาวันหนึ่งมี พราหมณ์ของกษัตริย์เดินไปได้ยินช้างเผือกเรียกลูกสาวแล้วไปบอกกษัตริย์ว่าเห็นช้างเผือกเรียกลูกสาวผมยาวแล้วกษัตริย์ก็บอกพราหมณ์ว่า พอที่จะไปเอาลูกสาวมาให้ข้าได้ไหมพอช้างเผือก ออกไปหาอาหารให้ลูก พราหมณ์ก็ไปเรียกแล้วลูกสาวก็หักไม้ทำสัญลักษณ์ให้พ่อตามหาเจอพอแต่พ่อเดินตามไปหาเจอ ไปถึงที่แล้วเรียกลูกสาวลงมาเรียกยังไงกษัตริย์ก็ไม่ให้ลงมา ก็ล้มลงเลยพูดว่าถ้าพ่อตายไปลูกอยากได้อะไร ขอให้อธิฐานขอเอาในวันเผ่าพ่อ พอเผ่าพ่อเสร็จคิดถึงแม่เลย เลยอธิฐานให้ได้แม่มาแต่งงานกับกับกษัตริย์ แล้วก็อยู่กับแม่กับลูกตามความปรารถนา นี้เป็นตำนานที่เล่าขานกันในตำราปราสาทที่เกิดขึ้น ในพื้นที่เพื่อประกอบกับการสร้างตำนานปราสาทและเป็นนิทานประจำท้องถิ่นอีกด้วย
๗. พิธีกรรมความเชื่อกับการบวงทรวงปราสาทบ้านไพล
พิธีบวงสรวงปราสาทบ้านไพล บ้านปราสาท หมู่ที่ ตำบลไพล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยใช้สถานที่บนพื้นที่ปราสาท ซึ่งมีองค์ปราสาท องค์เรียงกัน อีกองค์ปราสาท ได้ชำรุดผุพัง ซึ่งองค์ปราสาท บ้านปราสาท  เป็นอารยะธรรมขอมโบราณที่ยังปรากฏในจังหวัดสุรินทร์แห่งหนึ่ง และผู้นำชุมชนบ้านปราสาท และตำบลไพล ได้เห็นความสำคัญเชิญ ชาวบ้านพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ แห่งนี้ มาร่วมบวงสรวงปราสาทบ้านปราสาท ที่ยังคงเหลือไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีมิให้สูญหายไปตามกาลเวลา มีการจัด ๒ งานในวันเดียวกันคือ งานวันผู้สูงอายุของตำบลเชื้อเพลิง เพื่อให้ผู้สูงอายุได้พบปะ สังสรรค์กัน ด้วยการรำตรุด ประเพณีพื้นบ้านอันเก่าแก่ ช่วยกันรื้อฟื้น ให้ลุกหลานรุ่นหลังได้รู้จักและร่วมกันอนุรักษ์สืบทอดอีกงานคือ พิธีบวงสรวงปราสาทบ้านปราสาท แต่เดิมเรียก ปราสาทบ้านไพล เพราะแต่ก่อนขึ้นอยู่กับตำบลไพล แต่ตำบลเชื้อเพลิงแยกจากตำบลไพลมาแต่ปราสาทก็ยังชื่อว่า ปราสาทบ้านไพล แต่ต่อมาได้พากันเรียกปราสาทบ้านปราสาท เพราะสถานที่ตรงนี้คือ บ้านปราสาท หลายปีมาแล้วได้มีการรำบวงสรวงองค์ปราสาท โดยมีผู้แสดงกว่า 80 คน ทำมาครบ 3 ปี รำบวงสรวงจึงทำการย่อส่วนลง เนื่องจากมีผู้แสดงน้อย จึงปรับให้มีการละเล่นพื้นเมือง กิจกรรมสันทนาการอื่นๆเพื่อให้ผู้สูงอายุได้หัวเราะ อายุ ๑ ครั้ง อายุยืนไปอีก ๑ ปี ซึ่งตำบลเชื้อเพลิงมีศิลปินพื้นบ้าน ตามคำขวัญที่ว่า ตำบลเชื้อเพลิง แหล่งบันเทิงศิลปิน ถิ่นวัฒนธรรม เกษตรกรรมก้าวหน้า ประชาสามัคคี มีปราสาทโบราณ ตำนานกระโนบติงต็อง" ซึ่งในคำคืนนี้จะมีการรำกระโนบติงต็องด้วย ซึ่งเป็นการล้อท่ารำของตั๊กแตน  กระโนบ ภาษาเขมรพื้นเมืองสุรินทร์ แปลว่า ตั๊กแตน นอกจากนี้ ยังมีกันตรึม ลิเก คณะสุมามาง  คณะราตรีศิลป์ ซึ่งเป็นชาวตำบลเชื้อเพลิง ก็จะพาชาวคณะมาแสดงตลกให้ผู้สูงอายุได้มีความสุขกัน องค์การบริหารส่วนตำบลเชื้อเพลิงได้มีการเริ่มนำชุมชนและชาวบ้านทำพิธีบวงสรวงเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ซึ่งจะทำพิธีบวงสรวงปราสาทบ้านไพล ทุกวันที่ ๑๐ เมษายนของทุกปี  ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ของไทย

๘. พุทธสถานวัดปราสาทพรหมคุณบ้านปราสาท
จากอดีตที่มีความรุ่งเรืองด้านวัฒนธรรมของความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ในอดีต และมีการล่มสลายไปตามกาลเวลาที่ผ่านมา มีการผัดเปลี่ยนทางศาสนาจาก ผี พราหมณ์ พุทธ สู่ปัจจุบัน ชาวบ้านในเขตพื้นที่ก็ยังมี ศาสนาสถานเป็นที่สักการะเคารพนั่นคือวัดในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตด้านหน้าของปราสาทนั้น มีวัดสร้างขึ้นโดยชุมชน คือ วัดปราสาทพรหมคุณ ดำริสร้างโดยพระครูปราสาทพรหมคุณ หรือ หลวงปู่หงษ์ พรหมปญฺโญ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท หมู่ที่ ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นศาสนาสถานทางพระพุทธศาสนาอยู่ข้างปราสาทด้านทิศตะวันออกเนื้อที่ประมาณ ๑๒ ไร่ โดยการก่อสร้างโดยพุทธศาสนิกชนชาวบ้านปราสาท และในพื้นที่ข้างๆ นั้นทำให้เกิดความสงบเงียบสงบ ปัจจุบันนี้วัดมีศาลา หลัง ซึ่งเป็นที่ประกอบพิธีสงฆ์ชั้นบนและเป็นที่ฉันชั้นล่าง มีกุฏิพระ ๗ หลัง เรือนครัว หลัง ถังเก็บน้ำคอนกรีต ถัง และห้องน้ำจำนวนมาก โดยใช้ระบบประปา จากฝายเก็บน้ำดินขนาดเล็กที่เป็นแหล่งต้นน้ำในวัด ซึ่งต่อมากรมชลประทานได้บูรณะถวายให้แข็งแรงถาวร เพื่อให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำใช้อย่างสะดวกและสะอาดและสัปปายะแก่การดำรงจำพรรษาของพระภิกษุสามเณร
ในปัจจุบันวัดแห่งนี้ มีพระอธิการวัชระ วชิรวํโส เป็นเจ้าอาวาสวัดปราสาทพรหมคุณแห่งนี้ยังดำรงคงอยู่ด้วยความสมดุลของธรรมชาติป่าไม้ที่ทวีความอุดมสมบูรณ์ โดยบุคคลผู้มีความศรัทธาและระลึกคุณของสรรพสิ่งทั้งหลายของชาติและแผ่นดินอันเป็นที่กำเนิดแห่งชุมชนรักษาศาสนสถานที่มีคุณพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องสำนึกและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จากแนวทางด้านพระพุทธศาสนาที่เป็นสถานที่ปรากฏให้ชัดเจน   วัดแห่งนี้ดำรงรักษาไว้ซึ่งเนื้อหาสาระสำคัญของความเป็นวัดอย่างแท้จริงแม้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพตามยุคสมัยวัตถุนิยมแต่วัดจะต้องคงไว้ซึ่ง จิตนิยมบนหลักการสะอาดสว่างสงบของไตรสิกขา วัดนอกจากจะทำดำรงรักษาไว้ซึ่งเนื้อหาสาระสำคัญของความเป็นวัดอย่างแท้จริงแล้ววัดยังต้องประกอบด้วยถาวรวัตถุเสนาสนะต่างๆ ได้แก่ อุโบสถ กุฎิ วิหาร ศาลาการเปรียญหอระฆังหอทำวัตรสวดมนต์เป็นต้นและถาวรวัตถุเหล่านี้จัดว่าเป็นศาสนสถานในทางพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสมบัติของชาวพุทธโดยส่วนรวม การทำนุบำรุงรักษาและดูแลถาวรวัตถุพุทธสถานต่างๆก็เป็นหน้าที่ของชาวพุทธด้วยแนวทางการปลูกจิตสำนึกในด้านการบำรุงรักษาวัดและพุทธสถานให้เกิดประโยชน์ แก่ชุมชนในท้องถิ่นว่าวัดเป็นของตน มีความรู้สึกหวงแหน รัก และช่วยกันดูแลรักษา สร้างสร้างสภาพวัดและเสนาสนะถาวรวัตถุต่าง ๆ ให้มีความหมาย เป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุสามเณรที่บวชเรียนศึกษา มีการศึกษาปฏิบัติธรรม เป็นที่ทำบุญบำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน เป็นที่ที่ชาวบ้านนั้นได้เข้ามาหาความสงบทางกายและใจ เป็นศูนย์กลางสำหรับทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกันของชาวบ้าน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับประชาชนในท้องถิ่น วัดต้องสะอาดร่มรื่นมีการจัดกิจกรรมเพื่อประชาชน มีความพร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนในท้องถิ่นที่มีความต้องการเข้าวัด เพื่อบำเพ็ญกุศล ศึกษาพระธรรมวินัยและหลักพระพุทธศาสนา ประชาชนจะได้เห็นคุณค่าและเข้าวัดมากขึ้น  สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างวัดกับประชาชนในท้องถิ่น มีการดำเนินให้สอดคล้องกับการปลูกจิตสำนึกในด้านการบำรุงรักษาวัดและพุทธสถานให้เกิดประโยชน์ วัดก็จะได้ชื่อว่าได้ดำรงรักษาไว้ซึ่งเนื้อหา สาระสำคัญของความเป็นอย่างอย่างแท้จริง ได้แก่ สะอาด สงบ และสว่าง ร่มรื่น ร่มเย็น สร้างความรู้สึกเป็นที่ประทับใจแก่พุทธศาสนิกชนในชุมชน

๙. วิเคราะห์คุณค่าจากความสัมพันธ์ความเชื่อศรัทธาต่อโบราณสถานปราสาทบ้านไพล
          จากการได้ศึกษาถึงความความสัมพันธ์ระหว่างวิถีชีวิตชุมชนด้านต่างๆ กับโบราณสถานนั้น ในทุกที่ที่มีความสำคัญต่อศาสนาเมื่อมีแล้ว ย่อมยังความเชื่อและพิธีกรรมชุมชนต่อต่อชุมชนบ้านของปราสาท ตำบลไพล ภายใต้ขอบข้างปราสาทบ้านไพล จากการสัมภาษณ์พูดคุยพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถชี้ชัดในด้าน ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่สามารถอ้างอิงได้ถึงที่มาของความเชื่อ ที่คนในชุมชนนับถืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรมซึ่งความเชื่อที่ปรากฏขึ้นอยู่นี้ ได้เกิดการทับซ้อนลงไปในความเชื่อหลักที่สังคมกำหนดขึ้นมา หากพิจารณาให้ดีเราจะเห็นได้ความเชื่อเกี่ยวกับความเชื่อเดิม เรื่องราวทางความเชื่อเรื่อง ผี พราหมณ์ จนมาถึง พระพุทธศาสนาแบบชาวบ้าน จะเห็นได้ว่าความเชื่อเกี่ยวกับพุทธศาสนาแบบชาวบ้านนั้นไม่ใช่ระบบความเชื่อในรูปแบบพุทธศาสนาที่แท้จริง แต่เป็นการรวมเอาความเชื่อแบบพุทธกับพราหมณ์และแบบไสยศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน
          ชาวบ้านจะมีความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเรื่องมีชาตินี้และชาติหน้า เหตุที่ชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธมีความเชื่อในแนวคิดแบบพุทธแบบ พราหมณ์และแบบไสยศาสตร์ มารวมเข้าด้วยกัน และถือว่าเป็นชาวพุทธ ชาวบ้านได้รับเอาระบบความเชื่อแบบต่างๆ สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกที่มีการเผยแพร่กระจายของระบอบความเชื่อและประชาชนใน ระดับท้องถิ่นจะรับเอาพิธีกรรมของระบบความเชื่อต่างๆ มาโดยผู้นำหรือคนเถ้าคนแก่ การศึกษาในครั้งนี้จึงเป็นการศึกษาด้านความเชื่อและพิธีกรรมชุมชนต่อปราสาทหินบ้านไพลที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อชุมชนและการปฏิบัติตามความเชื่อ ซึ่งจะมีการตอบโจทย์ได้ว่า คุณค่าจากความเชื่อที่เราทราบนั้นซึ่งเป็นระบบต่อเนื่องสอดคล้องกัน มีการนำแบบแผนการกระทำอย่างชัดเจนและกระบวนการเหล่านั้นหรือหน้าที่กระทำจึงเป็นหลักที่ส่งผลให้พัฒนาเป็นโครงสร้างทางสังคมที่เกิดขึ้นในชุมชนที่เกิดขึ้นในชุมชน โดยกำหนดความสัมพันธ์ด้านคติความเชื่อและพิธีกรรมของชุมชน ต่อปราสาทหินบ้านไพล ผู้เขียนบทความนี้สังเกตและเก็บข้อมูลจนนำมาอภิปรายผลให้เห็นคุณค่าด้านต่างๆ ไว้ได้ดังต่อไปนี้
          ๑) คุณค่า ด้านวัตถุ คนในชุมชนช่วยกันรักษาศาสนวัตถุโดยเฉพาะวัตถุที่วางอยู่ในพื้นที่โดยรอบและช่วยหน่วยงานราชการในการกำกับดูแล ตลอดถึงการปลูกฝั่งให้เยาวชนได้เข้าใจในคุณค่าแท้ของวัตถุที่เป็นสมบัติอันสำคัญยิ่งของชุมชนและประเทศชาติ
          ๒) คุณค่าจาก ศาสนสถาน หรือ สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีเดิมของศาสนสาพราหมณ์ แต่ในปัจจุบันนั้นสถานนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่เป็นเป็นในการพัดเปลี่ยนการนับถือ อิทธิพลต่างๆส่งผลให้เกิดการสร้างประเพณีไหว้ปราสาทเป็นประจำทุกปี หรือเป็นงานกิจกรรมของชุมชนและตำบลเป็นลำดับ ทำให้เกิดคุณค่าประชาชนเกิดความสามัคคีในชุมชน
          ๓) คุณค่า ด้านบุคคล หรือผู้สืบทอดศาสนา คือการนำหลักคำสอนของศาสนาไปเผยแพร่หรือปฏิบัติ ปราสาทบ้านไพลนั้น ในเขตพื้นที่โดยรอบมีผู้นำที่เป็นผู้อวุโสอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ยังคงเป็นที่เคารพของทุกคน และประชาชนในเขตพื้นที่นั้นยังคงมีความเครพในบรรพบุรุษ มีการทำอะไรทุกครั้งจะต้องรำลึกถึงผู้ก่อสร้างและผู้นำในอดีตเสมอ
          ๔) คุณค่า ด้านศาสนพิธี คือ พิธีกรรมของแต่ละศาสนาที่ศาสนิกชนของศาสนานั้นๆพึงปฏิบัติ ในส่วนชาวบ้านไพลนั้นมีการจัดพิธีบวงทรวงปราสาทขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่พิธีนั้นจะเน้นไปในทางพระพุทธศาสนามากกว่าจะเป็นพิธีพราหมณ์ แต่ก็ยังคงพิธีดังเดิมไว้ขึ้นการ บวงทรวงเทพเทวดา และเจ้าที่ โดยพิธีกรรมที่ปฏิบัติกันในวงกว้าง ความเชื่อตามศาสนาพุทธ ผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น เข้ามาเป็นตัวควบคุมบทบาททางพิธีกรรมซึ่งอาศัยบริบททางพื้นที่ของปราสาทบ้านไพล แต่เดิมมาเป็นตัวเชื่อมเข้าหาพิธีกรรมที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
          ๕) คุณค่า ด้านคติธรรม ในแต่ละพิธีกรรมไม่ว่าพิธีการบูชาประจำปี การทำพิธีใดเกี่ยวกับพิธีทางศาสนาพราหมณ์นั้น ในทุกอย่างย่อมทำให้เกิดคติธรรมให้ส่งผลให้ถึง ลูกหลานและคนในชุมชนเพื่อให้เกิดความสามารถในชุมชน และเป็นเคล็ดในการนำไปดำเนินชีวิต บวกกับหลักการทางพระพุทธศาสนาเข้าไปด้วย จะปรากฏชัดในเรื่องของการจัดพิธีซึ่งมองในแนวทางของพุทธศาสนาในปัจจุบันจะเห็นถึงคติธรรมสภาพความเป็นจริงของธรรมชาติ และการปฏิบัติของชุมชน ตั้งแต่การรักษาศีล การปฏิบัติธรรม และการแสดงความเครารพ ต่อผู้มีพระคุณ ความรักหวงแหนในสถานที่อันสำคัญของชุมชน

๑๐ สรุป
          จากการศึกษา ประวัติความเป็นมาของปราสาทบ้านไพลตั้งแต่อดีตของประวัติศาสตร์และการศึกษาในสภาพปัจจุบัน การเข้าถึงขอมูลด้วยการศึกษา ผลจากการประกอบกิจต่างๆของชุมชน ว่า ศาสนสถานแห่งนี้ จากความเชื่อที่เคยมีการบูชาและเครารพมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ของคนในชุมชน มีส่วนแรงขับทำให้เกิดความสำนึกของคนในชุมชนอย่างไร และเรื่องราวต่างๆ มีทัศนะอย่างไร จึงได้คำตอบว่า ของความเชื่อและความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนทำให้เราเข้าใจถึงคุณค่าแห่งการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมดังเดิมให้ชนรุ่นหลัง เข้าถึงในพิธีกรรมที่ปฏิบัติกันเฉพาะท้องถิ่นเกิดจากการขับเคลื่อนโดย ชาวบ้านในชุมชนและพิธีกรรมที่เกิดขึ้นจากความเชื่อส่วนบุคคลบริเวณปราสาทบ้านไพล พื้นฐานความเชื่อเดิมคือคติในการถือผี มากำหนดการปฏิบัติในพิธีกรรม ลักษณะพิธีกรรม ในส่วนนี้สมารถสะท้อนให้เห็นโครงสร้างความเชื่อของชุมชนโดยรอบที่ยังคงยึดเอา ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ มีส่วนเกี่ยวข้องหลักของพิธีกรรม พิธีกรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่เกิดจากการยอมรับ ร่วมกันทั้งในระบบย่อยคือบุคคลและระบบใหญ่ที่เป็นภาพกว้างของชุมชนสอดคล้องส่งผลตัวที่ส่งผลต่อการคงอยู่ของ ขนบธรรมเนียมประเพณีและพิธีกรรม ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันของชุมชนต่อปราสาทหินบ้านไพล คือ ปัจจัยด้าน วัตถุ บุคคล พิธีกรรม และคติธรรม ที่ส่งผลให้ผู้นำชุมชนที่ชาวบ้านได้ให้ความเคารพเชื่อถือและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามร่วมกันของคนในชุมชน ผู้ใหญ่บ้านเป็นบุคคลที่ผู้คนในชุมชนให้การยอมรับคอยประสานงานด้านการ พิธีกรรม พราหมณ์ ผู้คอยเป็นสื่อการติดต่อสื่อสาร ระหว่างประกอบพิธีกรรมสอดคล้องกัน เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อทางศาสนานั้นทำหน้าที่รวมกลุ่มสมาชิกในสังคมเข้าด้วยกัน ให้เป็นปึกแผ่นเพื่อรักษาศาสนา และทำหน้าที่บำรุง โดยให้สังคมที่ดำรงอยู่อยู่นั้นซึ่งมีพื้นฐานเดิมในอดีตที่มีความเชื่อเดิมเรื่องของพราหมณ์ จนระยะเวลาพัดเปลี่ยนไปกลับมาสู่ร่มเงาทางพุทธศาสนาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เทวสถานแห่งนี้นอกจะเป็นที่ศูนย์รวมจิตใจของทุกคนแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ศูนย์กลางจัดงานพิธีกรรมสำคัญของชุมชน อย่างสอดคล้องและน่าสนใจและเป็นจุดสารสารสามัคคีในชุมชนมาอย่างยาวนานจากอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างมั่นคง
 




หนังสืออ้างอิง

Michel Petrotchenko, Angkor temples, the guidebook third edition, printed and bound in Thailand by armrin printing publishing Pcl. 2014 ,
รศ.ศิริพร สุเมธารัตน์, ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองสุรินทร์, พิมพ์ครั้งที่ ๓ กรุงเทพมหานคร, โรงพิมพ์โอเดียนสโตร์. ๒๕๕๔  
รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี ประวัติศาสตร์ศิลปะ อินเดียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รูปแบบ พัฒนาการ ความหมาย, พิมพ์ครั้งที่ ๓   กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ หจก. เรือนแก้วการพิมพ์ ๒๕๖๐
ผศ.สุทัศน์ กองทรัพย์, ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์ ,พิมพ์ครั้งที่ ๑ สุรินทร์, โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, ๒๕๕๐.
 ธิบดี บัวคำศรี . ประวัติศาสตร์กัมพูชา หนังสือชุด "อาเซียน "ในมิติประวัติศาสตร์ พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพมหานคร, สำนักพิมพ์เมืองโบราณ ๒๕๕๕.
ก.เมฆสวัสดิ์ อารยธรรมขอมโบราณ ไม่ใช่บรรพบุรุษของกัมพูชา.พิมพ์ครั้งที่ ๑, กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์ ลูกบาสก์ห้าสิบสี่ ในเครือ บริษัท คิวบ์ ฟิฟตี้โพร์ จำกัด ๒๕๖๐.
ดร.อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช. ศิลปะเวียดและจาม พิมพ์ครั้งที่ ๑ กรุงเทพมหานคร, สำนักพิมพ์มติชน จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๗.

แหล่งข้อมูลข้องอิงจากอินเตอร์เนต
          กรมศิลปากร. (2550). ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งและพับลิชชิ่ง. ISBN 978-974-425-057-5
          จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี        https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8 5 ปราสาทบ้านไพล
          http://isan.tiewrussia.com ข้อมูลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปราสาทบ้านไพล, เปิดข้อมูลเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐.
          https://sites.google.com/site/prasathhir/prasath-hin-ban-phil ปราสาทหิน






[๑] อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์
[๒] จังวัดสุรินทร์,เส้นทางมรดกอันล้ำค่าสุรินทร์ (สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000 ๒๕๕๙ ) หน้าที่ ๑๑๐.
[๓] รศ.ศิริพร สุเมธารัตน์, ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองสุรินทร์, (กรุงเทพมหานคร, โอเดียนสโตร์ ๒๕๕๔) หน้า ๙๖
[๔] Michel Petrotchenko, Angkor temples the guidebook third edition, printed and bound in Thailand by armrin printing publishing Pcl. 2014 p 334
[๕] ผศ.สุทัศน์ กองทรัพย์, ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์ ,(สุรินทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์,๒๕๕๐) หน้า ๓๘.
[๖] อ้างแล้วเรื่องเดียวกัน หน้า ๓๙.
[๗] รศ.ศิริพร สุเมธารัตน์, ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองสุรินทร์, (กรุงเทพมหานคร, โอเดียนสโตร์.๒๕๕๔ ) หน้า ๙๖
[๘] อ้างแล้วเรื่องเดียวกัน  หน้า  ๙๖
[๙] รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี ประวัติศาสตร์ศิลปะ อินเดียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รูปแบบ พัฒนาการ ความหมาย, ( กรุงเทพมหานคร : หจก.เรือนแก้วการพิมพ์ ๒๕๖๐), หน้า ๒๗๓.
[๑๐] ผศ.สุทัศน์ กองทรัพย์, ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์ ,(สุรินทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์,๒๕๕๐) หน้า ๕๗.
[๑๑]  รศ.ศิริพร สุเมธารัตน์, ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองสุรินทร์, (กรุงเทพมหานคร, โอเดียนสโตร์.๒๕๕๔ ) หน้า ๙๖
[๑๒] อ้างแล้วเรื่องเดียวกัน หน้า ๙๕

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เทวบรรพต.."ปราสาทตาควาย" ประจักษ์พยานถึงความเชื่อศรัทธาของผู้คนในอดีตที่มีต่อเทพเจ้า

เทวบรรพต .. "ปราสาทตาควาย" ประจักษ์พยานถึงความเชื่อศรัทธาของผู้คนในอดีตที่มีต่อเทพเจ้า ******************* พระปลัดวัชระ วชิรญาโณ (เกิดสบาย) [ ๑]   Phra Pladwatchara Vachirayano ( Kerdsabai ) น.ธ.เอก , พ.ธ.บ. , M.A. ( Buddhist studies ) ๑. ความนำ            ปราสาทตาควายตัวปราสาทก่อด้วยหินทราย แม้จะเป็นเพียงก่อขึ้นรูปไว้ แต่ก็ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่มาก    ชั้นหลังคายังอยู่ครบ มีผังเพิ่มมุมมีมุขทางเข้าที่ด้านทั้งสี่ คือแบบแผนทั่วไปของปราสาทหินในสมัยเมืองพระนคร แต่เนื่องจากไม่มีลวดลายสลักทำให้การกำหนดอายุทำได้เพียงคร่าวๆ ว่าอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ ซึ่งตั้งตระง่าอยู่บนเทือกเขาพนมดงรักในเขตบ้านไทยนิยม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และเป็นปราสาทที่มีความเป็นมนต์ขลังของเทวสถานแห่งพลังศรัทธา เป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อศรัทธาของผู้คนในอดีตที่มีต่อเทพเจ้า จึงเป็นที่น่าสนใจในการนำเรื่องราวเหล่านี้มาเพื่อเป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างความ เชื่ออรยธรรมสู่โบราณสถานที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันอย่างไรจึงได้นำเรื่องราวนี้มาเป็นเนื้อหาใน...

พุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนา

พุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนา พระปลัดวัชระ วชิรญาโณ [*] ๑ บทนำ ประเทศไทยนั้นเป็นสังคมหนึ่งซึ่งยอมรับพระพุทธศาสนาและได้รับการหล่อหลอมจากหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนามายาวนาน วิถีชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ตั้งแต่กำเนิดจนถึงตาย จึงเกี่ยวโยงสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระพุทธศาสนา แต่เมื่อสังคมโลกเปิดกว้างขึ้นทั้งในด้านสื่อสารมวลชน เศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นำพาให้สังคมไทยก้าวเข้าไปสู่กระแสแห่งยุคโลกาภิวัฒน์ ส่งผลให้สังคมไทยต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติในหลายๆ ด้าน กล่าวคือ วิกฤติการเมือง วิกฤติด้านเศรษฐกิจ วิกฤติด้านสังคม วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม พระพุทธศาสนา จึงเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะสามารถนำหลักการสำคัญที่มีอยู่ในพระไตรปิฏกมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในแบบองค์รวม เพื่อจะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างครบวงจร อันจะส่งผลดีกับการแก้ไขปัญหาวิกฤติต่างๆ ของสังคมไทยต่อไป วิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนโยงใยถึงกันเป็นลูกโซ่ เป็นปัจจัยเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นในด้านใดด้านหนึ่งของสังคมนั้นหมายถึงว่า ผลพวงจากวิกฤตินั้นย่อมกระทบต่อระบบในสังคมนั้นด้วย เช่น บ้านเมือง...

พุทธวิธีในการบริหาร

  พุทธวิธีในการบริหาร พระปลัดวัชระ เกิดสบาย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ ๑ บทนำ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระคุณสมบัติยอดเยี่ยมหลายประการเช่นที่มีในพระไตรปิฎกกล่าวไว ๙ ประการ ที่เรียกว่า พุทธคุณ ๙ [1]    เช่น อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ พระองค์เป็นพระอรหันต์เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพระคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมายโดยเฉพาะพุทธวิธีในการบริหารและการปกครอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระคุณสมบัติของนักบริหารและนักปกครองชั้นยอดของพระองค์ เพราะพระคุณสมบัติในด้านนี้ของพระองค์นั่นเอง จึงทำให้พระองค์สามารถประกาศพระพุทธศาสนาได้อย่างรวดเร็วและเป็นปึกแผ่นคงสืบทอดมาถึงเราทั้งหลายถึงทุกวันนี้   ๒ ความหมายของคำว่า บริหาร คำว่า บริหาร ตรงกับภาษาบาลีว่า “ปริหร” เป็นคำแสดงความหมายถึง ลักษณะของการปกครองว่าเป็นการนำสังคมหรือหมู่คณะให้ดำเนินไปโดยสมบูรณ์ นำหมู่คณะให้พัฒนาไปพร้อมกัน “ปริหร"อาจบ่งถึงความหมายที่ว่า การแบ่งงาน การกระจายอำนาจ หรือการที่สมาชิกในสังคมมีส่วนร่วมในการปกครองหมู่คณะก็ได้ ในพระไตรปิฎกมักจะใช้คำว่า “ปริหร" กับกลุ่มสังคม เช่น “อหํ...